ฮาล์ฟแรกที่ บางแสน 21

ประมาณ 3 ปีที่แล้ว ผมหันมาสนใจการวิ่งเพื่อสุขภาพ เริ่มจากวิ่งในหมู่บ้านอาทิตย์ละ 2-3 วัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าสุขภาพดีขึ้น มันไม่ได้เห็นผลชัดขนาดนั้น แถมยากด้วย วิ่งนิดเดียวก็เหนื่อย ทำได้ไม่ต่อเนื่อง แถมขี้เกียจอีก 5555

ผมเลยหาข้อมูลเพิ่มว่าวิ่งเพื่อสุขภาพมันต้องแค่ไหน ทำยังไงให้เราไม่ขี้เกียจ ก็ไปเห็นหลายคน เค้าชอบไปวิ่งตามงานวิ่งต่างๆ ซึ่งมันก็ดูน่าสนุกดีนะ

ก็เลยได้ไอเดียว่า “เราต้องมีเป้าหมายซักหน่อย” เหมือนเวลาเราเล่นเกมแล้วต้องเอาชนะให้ได้ มันทำให้รู้สึกสนุกดีนะ อยากเล่นจนจบเกม

Table of Contents

  1. เป้าหมายฮาล์ฟแรก
  2. ทำไมต้องสนามบางแสน
  3. ตารางซ้อม
  4. Race Day
  5. บทส่งท้าย

เป้าหมายฮาล์ฟแรก

ผมควรจะตั้งเป้าหมายยังไงดี? ถ้าตามหลัก SMART Goal (วิชาการก็มา) เป้าหมายควรจะ เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ พอจะทำไหว เราอยากจะทำ และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน

ผมคิดอยู่นานว่าครั้งแรกควรเริ่มที่ระยะไหนดี ที่ไม่หนักเกินไปสำหรับมือใหม่ แล้วก็ไม่ง่ายเกินไปจนน่าเบื่อ สรุปมาจบที่ระยะ “Half Marathon” ที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Mini กับ Full Marathon ซึ่งไม่ไกลเกินไป ถ้ามีเวลาซ้อมน่าจะพอไปไหว

เมื่อตั้งใจแล้วว่าเป็น Half Marathon ทีนี้ผมควรจบที่เวลาเท่าไหร่ดี เลยไปหาข้อมูลเพิ่มใน Google ดูว่ามือใหม่เค้าใช้เวลากันเท่าไหร่ พบว่าส่วนใหญ่เค้าใช้เวลาประมาณ 2.30 ชม.

ดังนั้น จึงตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2.10 ชม. (ตามวิถี Generalist เราต้องดีกว่าค่าเฉลี่ยนี่นา)

สรุปเป้าหมายการวิ่ง สำหรับมือใหม่อย่างผม คือ

ทำไมต้องสนามบางแสน

การเลือกสนามวิ่งมีผลอย่างมากสำหรับผม เพราะถ้าสนามที่เราเลือกไปครั้งแรกทำให้เกิดความประทับใจ มันจะช่วยสร้าง momentum ที่ดีตั้งแต่เริ่ม ทำให้เราสนุกกับการวิ่ง และช่วยทำให้เกิดความต่องเนื่องได้

ผมจึงเริ่มหาข้อมูลสำหรับงานวิ่งแรกของผม ทั้งจากการถามเพื่อนๆ นักวิ่ง ค้นหาข้อมูลใน
อินเทอร์เน็ต ก็พบว่าสนามที่ดูจะเหมาะกับผมที่สุด คือ “บางแสน 21” เนื่องจาก

  • การเดินทางสะดวก
    เป็นสนามวิ่งที่ใกล้บ้าน เดินทางไม่เกิน 2 ชม. ที่พักมีเยอะ หรือกรณีที่จองไม่ได้ ก็นอนที่บ้านแล้วขับไปวิ่งตอนเช้าได้เลย (อันนี้เหนื่อยไปหน่อย)
  • การจัดการดี
    เป็นสนามที่นักวิ่งหลายคนที่ผมรู้จัก ชื่นชมในการจัดการ แถมเป็นสนามวิ่งที่ได้การรับรองจากสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับสูงสุดของการจัดกรีฑาของโลก) ในระดับ “Gold Label” ได้การรับรองขนาดนี้มันต้องดีสิคร้าบบบบ
  • การสมัครแสนง่าย
    การสมัครวิ่งงานนี้บอกเลยว่าง่ายมาก สมัครผ่านระบบออนไลน์ แถมมีให้เลือกสมัครหลาย Package ถ้าสายประหยัดหน่อยก็ลอง lotto ดู (ลุ้นจับฉลากได้สิทธิ์การวิ่ง ราคาถูกที่สุด) แต่ถ้าใครสายเปย์ ก็สมัครแบบ VIP ไปเลย แพงหน่อยแต่ได้ไปชัวร์

ตารางซ้อม

ที่นี้เรามาวางแผนการ เพื่อไปสู่เป้าหมายของเรากัน สมัยนี้ง่ายมากแค่เข้า Google แล้วพิมพ์ไปว่าตารางซ้อม Half Marathon ขึ้นมาเพียบ เลือกไม่ถูกเลยทีนี้ เอาไงดี

พอดีพี่สาวผมเค้าเคยจบ Half Marathon มาแล้วด้วยเวลา 2 ชม. นิดๆ อ่าวเฮ้ย !! พอดีเป๊ะ เลยแอบถามว่าซ้อมยังไงเจ้ อ่อ!!!! ตามในเน็ตเลย เริ่มจากวันละ 5 โล ก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่ม

สุดท้ายผมก็ได้ตารางมาจากอินเทอร์เน็ต ตามนี้เลยคับ

WeekMONTUEWEDTHUFRISATSUN
1พัก5Kพัก5K5Kพัก6.5K
2พัก5Kพัก6.5K5Kพัก8K
3พัก5Kพัก6.5K5Kพัก10K
4พัก5Kพัก8K5Kพัก13K
5พัก5Kพัก8K5Kพัก16K
6พัก6.5Kพัก8K6.5Kพัก18K
7พัก6.5Kพัก10K6.5Kพัก19K
8พัก6.5Kพัก8K6.5Kพัก14.5K
9พัก5Kพัก6.5K5Kพัก13K
10พัก5Kพัก5K3KพักRACE

จะเห็นว่าตารางมัน 2 เดือนครึ่ง แต่ผมมีเวลาเกือบ 3 เดือน ช่วงแรกก็วิ่งเบาๆ วันละ 5K ไปก่อน แต่แค่นี้ก็โคตรเหนื่อยแล้ว แต่พอเราทำไปสัก 1 สัปดาห์ จะเริ่มเหนื่อยน้อยลง

จำเป็นต้องวิ่งตามระยะทางที่กำหนดมั้ย สำหรับผมมันช่วยในเรื่องของจิตใจและช่วยรักษาวินัย ถ้าวันไหนวิ่งแล้วรู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ ผมก็จะไม่ฝืน แต่ที่เหลือจะเดินจนครบระยะเสมอ

วันขี้เกียจ ย่อมต้องมาแน่นอน ผมพยายามจะให้มันเกิดกับผมน้อยที่สุด โดยพยายามซ้อมตอนเช้าเสมอ เผื่อระหว่างวันเรามีธุระ หรือต้องทำงานยาวๆจะได้ไม่ขี้เกียจซ้อม

ถ้าเราหยุดไปสัก 2-3 วัน มันจะเริ่มกลับมายากละ เพราะจะขี้เกียจมากกกก !!!! ดังนั้น ถ้าหลุดโปรแกรมไปสักวัน วันต่อมาพยายามกลับมาซ้อมให้ได้

ยังจำได้วันแรกๆที่ซ้อม pace 8 ผมก็เหนื่อยมากแล้ว มันต้องฝืนๆ ตัวเองนิดนึงนะ แต่พอผ่านไป 1 เดือน ก็ดีขึ้น (อย่างช้าๆนะ) เหนื่อยน้อยลง วิ่งเร็วขึ้น (นิดนึง)

Race Day

เดินทางไปสนามก่อนวันวิ่ง 1 วัน เพื่อไปรับ BIB (งานบางแสนต้องไปรับด้วยตัวเองเท่านั้นนะ) ซึ่งการจัดการก็ดีตามคาด คนเยอะ แต่รอไม่นานเลย

เช้าวันงาน ตื่นนอนมาตอนตีหนึ่ง พร้อมกับความตื่นเต้น ที่ซ้อมมาหลายเดือนจะบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่ก็อยู่ที่วันนี้

ผมพยายามเผื่อเวลาไว้ เพื่อไม่ให้เราต้องรีบร้อนและช่วยคลายความกังวลไปได้บ้าง แต่ที่กังวลที่สุดคือ เรื่องเข้าห้องน้ำ อย่ามาปวดตอนวิ่งละกัน ไม่งั้นเรื่องยาว

เดินทางไปถึงจุดสตาร์ทประมาณตีสอง warm up พร้อมสมาชิกนักวิ่งในหมู่บ้านที่มาด้วยกัน เอาให้ร่างกายพออุ่นๆ อากาศดีมาก เย็นสบาย คนอย่างเยอะ แต่บรรยกาศสุดยอดเลย มันทำให้เกิดความฮึกเหิม

ประมาณตีสาม สมาชิกก็แยกย้ายกันเข้า block เตรียมปล่อยตัว ความรู้สึกเหมือนเตรียมเข้าห้องสอบ มันตื่นเต้น ไม่รู้ว่าจะเจอโจทย์แบบไหน

เมื่อเสียงแตรปล่อยตัวดังขึ้น ทุกคนวิ่งกรูออกจากจุดสตาร์ท ผมเองก็พยายามวิ่งด้วยความเร็วตามที่ซ้อมมา แต่ร่างกายมันรู้สึกว่าเฮ้ยนาย !!!! เร็วได้อีก แบบนี้สินะที่หลายคนเคยบอกว่า วันงานเราจะมีพลังพิเศษ

ผมก็วิ่งไปตามแผน ใช้ความเร็วคงที่ตามที่ซ้อมมา และเติมพลังตามกำหนดการที่เตรียมมา

  • แวะกินน้ำ ทุกจุด
  • กิโลเมตรที่ 7 กินเกลือ 1 เม็ด
  • กิโลเมตรที่ 10 กินเจล
  • กิโลเมตรที่ 16 กินเกลือ 1 เม็ด

แม้ว่าเราจะซ้อมมาแต่ วันจริงยังไงก็ไม่เหมือนวันซ้อม พอเข้าโล 18 ผมนี่แทบอยากจะเดิน แต่ก็ดันตัวเองมาได้จนสุดทาง สุดท้ายก็สามารถเข้าเส้นชัยได้ตามเป้าหมาย

บทส่งท้าย

วิ่งจริงไม่ยากเท่ากับการขุดตัวเองขึ้นมาซ้อม แต่พอถึงเส้นชัยโคตรภูมิใจ

การเป็น FINISHER มันมีความสุขมากจริงๆ

Leave a comment